Granita ขนมหวานสัญชาติอิตาลี
รู้หรือไม่ Slushy Machine ของ Slush World ไม่ได้มีดีแค่การทำสลัชชี่เท่านั้นแต่ยังสามารถสร้างสรรค์
เมนูต่าง ๆได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น เชอร์เบท (Sherbet), ซอฟต์เสิร์ฟ (Soft Serve) หรือแม้กระทั่งขนมหวาน
สุดคลาสสิกจากอิตาลีอย่างกรานิต้า (Granita)
วันนี้ Slush World ขอพาทุกท่านมารู้จักกับกรานิต้า (Granita) ขนมหวานจากอิตาลีที่ก่อนจะกลายเป็น
เมนูที่โด่งดังทั่วโลกนั้นมีจุดเริ่มต้นมาจากที่ไหน และทำไมถึงได้กลายมาเป็นขนมหวานที่มีเอกลักษณ์
ของชาวอิตาลีได้อย่างไร?
Granita เริ่มต้นในช่วงศตวรรษที่ 9 เมื่อชาวอาหรับเข้ามาครองเกาะซิซิลีพวกเขานำวัฒนธรรมการทำ
เครื่องดื่มเย็นที่เรียกว่าเชอร์เบท (Sherbet) มายังภูมิภาคนี้เชอร์เบท (Sherbet) ในสมัยนั้นทำจากน้ำดอกไม้
น้ำผลไม้ และน้ำเชื่อม ซึ่งถือเป็นต้นแบบของ Granita ในปัจจุบัน
ชาวซิซิลีในยุคนั้นได้ดัดแปลงสูตรการทำเครื่องดื่มเย็นนี้โดยใช้น้ำจากหิมะนำมาผสมกับน้ำผลไม้และน้ำเชื่อม
จากนั้นนำไปแช่เย็นและขูดให้เป็นเกล็ดน้ำแข็งละเอียดจนเกิดเป็น Granita
ต่อมาในช่วงศตวรรษที่ 16 ชาวซิซิลีได้พัฒนากรานิต้าให้เป็นรูปแบบที่ดูดีมากยิ่งขึ้นโดยใช้อุปกรณ์
ทำความเย็นยุคแรก ๆที่เรียกว่า Pozzetto ซึ่งทำจากถังไม้ที่มีถังสังกะสีอยู่ด้านในเติมน้ำผลไม้ และน้ำผึ้งลงไป
จากนั้นจึงเติมหิมะและเกลือลงในช่องว่างระหว่างถังไม้และสังกะสี แล้วแช่แข็งส่วนผสมที่อยู่ด้านใน
จนกลายเป็นน้ำแข็ง ก่อนจะนำใบมีดมาปั่นให้เป็นเกล็ดน้ำแข็ง
จนกระทั่งในศตวรรษที่ 20 ได้มีการพัฒนาวัตถุดิบและเครื่องทำกรานิต้าทำให้ได้กรานิตร้าที่มีเนื้อสัมผัสหยาบ
ของเกล็ดน้ำแข็งที่ผสมผสานความหวานของน้ำหวานอย่างลงตัว จนได้ กรานิตร้า ขนมหวานดับร้อนสัญชาติอิตาลี
ที่เป็นที่รู้จักในปัจจุบัน